top of page

PROBAT P III ☕


ในแวดวง Coffee Roaster ทั่วโลกคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก PROBAT เครื่องคั่วกาแฟระดับตำนาน

ที่ทั่วโลกให้การยอมรับมาอย่างยาวนานกว่า150ปี โดยเฉพาะ PROBAT ซีรีส์ UG ไอคอนของแบรนด์

และเป็นเครื่องคั่วในฝันของเหล่า Coffee Roaster ที่อยากจะมีไว้ครอบครองสักเครื่อง



ปีค.ศ.1920 โรงงาน Emmerich ก็สามารถผลิตเครื่องคั่ว PROBAT

โมเดลแรกได้สำเร็จพร้อมกับก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องจักร

สำหรับธุรกิจกาแฟระดับโลก


ประวัติศาสตร์ความสุดยอดเครื่องคั่วกาแฟ PROBAT นั้น เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1864 ซึ่งเป็นปีที่ยุโรปเริ่มมีการคั่วกาแฟเชิงอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง อเล็กวันซ์ กูเปิล (Alex van Gülpen) นักธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง PROBAT มีความคิดที่จะผลิตเมล็ดกาแฟคั่วส่งขายไปทั่วประเทศ แต่ในสมัยนั้นการคั่วกาแฟยังคงใช้วิธีคั่วบนกระทะหรือหม้อรูปทรงต่างๆ ที่วางเหนือเตาไฟ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่บรรพบุรุษเราเคยทำกันมาเมื่อกว่าพันปีแล้ว ข้อเสียของวิธีนี้คือเมล็ดกาแฟจะสุกช้าและไม่สม่ำเสมอ จึงไม่เหมาะสำหรับการคั่วในปริมาณมาก เขาจึงนำปัญหานี้ไปปรึกษากับและธีโอดอร์ ฟัน กิมส์บอน (Theodor von Gimborn) เพื่อนที่เป็นวิศวกรและโยฮันเฮ็นริก เลนซิ่ง (Johann Heinrich Lensing) เพื่อนนักธุรกิจอีกคน ต่อมาในปี ค.ศ.1868 ทั้งสามคนได้ร่วมหุ้นกันก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องคั่วกาแฟ Emmericher Maschinenfabrik und Eisengießerei ขึ้นที่เมืองเอมเมอริช (Emmerich) ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี โดยตั้งใจที่จะพัฒนาเครื่องคั่วกาแฟที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพดีและสามารถผลิตซ้ำได้ในปริมาณมากเพื่อป้อนเข้าสู่ภาคธุรกิจ


หลังจากการระดมองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมของทั้งสามคน ถัดมาอีก 2 ปี “Emmerich Spherical Roaster” เครื่องคั่วกาแฟโมเดลแรกของโรงงานก็ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีตัวถังเป็นทรงกลม สามารถคั่วกาแฟได้มากสุดถึงครั้งละ 120 กิโลกรัม เมล็ดกาแฟที่ได้สุกสม่ำเสมอแต่ใช้เวลาน้อยกว่าวิธีเดิม ต่อมาในปี ค.ศ.1884 บริษัทได้จดสิทธิบัตร Kaffeeschnellröster หรือระบบการคั่วด่วน โดยใช้เครื่องคั่วแบบ Drum ที่บริษัทได้คิดค้นพัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการคั่วกาแฟในวงการอุตสาหกรรมยุคนั้นเลยทีเดียว เครื่องคั่วแบบ Drum นี้ก็ยังถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน


ปัจจุบันเครื่องคั่ว PROBAT แบ่งออกเป็น 5 ซีรีส์ด้วยกัน

คือ G45, G Series, UG Series, Sample Roaster และ P Series



จากการศึกษาและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ในปีค.ศ.1920 โรงงาน Emmerich ก็สามารถผลิตเครื่องคั่ว PROBAT โมเดลแรกได้สำเร็จพร้อมกับก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรสำหรับธุรกิจกาแฟระดับโลก นับตั้งแต่เครื่องคั่ว PROBAT โมเดลแรกออกสู่ตลาดจนมาถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว ชื่อเสียงของ PROBAT ยังคงได้รับการยอมรับจากวงการกาแฟระดับโลกไม่เสื่อมคลาย ปัจจุบันเครื่องคั่ว PROBAT แบ่งออกเป็น 5 ซีรีส์ด้วยกันคือ G45, G Series, UG Series, Sample Roaster และ P Series ในบรรดา 5 ซีรีส์นี้ ตัวที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น UG Series ซึ่งถือเป็นเครื่องคั่วคลาสสิกระดับตำนานที่เหล่า Coffee Roaster ทั่วโลกต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง นอกจาก UG แล้ว อีกซีรีส์หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ P (ย่อมาจาก Probatone) ที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่คือ P III (P ซีรีส์ 3) ไปเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง


PROBAT P III เป็นเครื่องคั่วที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด โดยปรับรูปโฉมให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือ PROBAT ตัวเครื่องถูกปรับให้มีขนาดเล็กลง ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 6 กิโลกรัม (ในรุ่น P05 III) และ 12 กิโลกรัม (ในรุ่น P12 III) PROBAT P III จึงตอบโจทย์โรงคั่วหรือร้านกาแฟขนาดกลางที่กำลังมองหาเครื่องคั่วที่ไม่ใหญ่เทอะทะไว้ประจำการในร้าน


PROBAT P III นั้นให้ความสำคัญกับความสวยงามและสะดวกสบายของผู้ใช้มากที่สุด การออกแบบตัวเครื่องที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง งานผลิตที่ประณีตใส่ใจในทุกชิ้นส่วนตามมาตรฐานเยอรมัน ตัวเครื่องทำจากโลหะหล่อขึ้นรูปด้ามจับคันโยกทำจากไม้โอ๊ค เพื่อไม่ให้รู้สึกร้อนมือเวลาจับ บริเวณหน้า Drum มีการเสริมฉนวนขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันความร้อนแผ่ออกมาระหว่างคั่ว นอกจากจะช่วยให้ Roaster ทำงานได้อย่างสบายมากขึ้นแล้ว ยังป้องกันการสูญเสียความร้อนออกจากหม้อคั่วอีกด้วยด้วย ส่วนฝาครอบบอดี้ทั้ง 4 ด้าน ก็ถูกออกแบบมาให้เปิดออกง่ายเพื่อให้สะดวกกับการบำรุงรักษา



การควบคุมก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ P III ภูมิใจนำเสนอ ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานทุกอย่างผ่านจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่อง หน้าจอแสดงค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ที่จำเป็นอย่างครบครัน อาทิ อุณหภูมิเมล็ดกาแฟ (Bean Temperature) อุณหภูมิอากาศ (Air Temperature) อุณหภูมิอากาศออกจากเครื่อง (Air exhaust temp) ความเร็วลม (Airflow) ในรูปแบบของกราฟแบบเรียลไทม์ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ ระหว่างคั่วได้อย่างละเอียด เมื่อคั่วเสร็จก็สามารถบันทึกประวัติการคั่วเก็บไว้เป็นโปรไฟล์เพื่อคั่วซ้ำแบบ Auto หรือจะแชร์โปรไฟล์การคั่วให้กับ Roaster คนอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายดาย ระบบควบคุมของเครื่องยังทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ภายนอกเช่น Artisan และ Cropster ในการเก็บข้อมูลหรือจะย้ายการควบคุมไปทำบนหน้าจอของสมาร์ทโฟนผ่านทางแอปพลิเคชันได้ทั้งระบบ Android และ iOS ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องยืนทำงานอยู่ที่หน้าเครื่องคั่วอีกต่อไป



ในส่วนของการทำงาน ตัวเครื่อง P III ก็ได้รับการสืบทอดประสิทธิภาพมาจากรุ่นพี่ UG มาอย่างไม่น้อยหน้า ตัวเครื่องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิมาให้ถึง 3 จุด โดยมีเทอโมคัปเปิล (Thermocouples) เป็นตัววัดค่าอุณหภูมิแต่ละส่วน เช่น ส่วนของทางส่งลมเข้าถังคั่ว (Hot air in let temp) ในถังคั่ว (Bean temp) และตรงช่องอากาศที่ออกจากเครื่อง (Air exhaust temp) ภายในถังคั่วติดตั้งแกนใบพัดแบบพิเศษ ที่ยื่นออกมาเหมือนพลั่วทำหน้าที่ช่วยเกลี่ยเมล็ดกาแฟให้ได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง พร้อมกันนี้ยังได้ปรับปรุงระบบการหมุนเวียนลม (Airflow) ภายในหม้อคั่วให้มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียความร้อน ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม และยังมี Option Temp Sensor อื่นๆ อีกไม่ว่าวัดอุณหภูมิที่ Cooling วัดอุณหภูมิห้องคั่ว OptionตัววัดPressure ของระบบ Air Exhaust ได้ตลอดการคั่ว จุดเด่นที่สำคัญมากที่สุดในระบบคั่ว Auto Profile ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและง่ายมากๆ


จุดสุดท้ายที่ทำให้ P III มีความเจ๋งไม่เหมือนใคร นั่นคือ เราสามารถที่จะออกแบบสีสันของตัวเครื่องได้ถึง 5 จุด ตั้งแต่ฝาครอบด้านบน สีบอดี้ โลหะรอบฝาปิด Drum ไปจนถึงมือจับ เพื่อสร้าง P III ให้มีความพิเศษไม่เหมือนใคร หรือจะออกแบบให้ลงตัวกับสีสันของร้านก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเข้าไปออกแบบได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ PROBAT เมื่อได้แบบสีที่ถูกใจแล้วก็บันทึกเก็บไว้เป็น Reference ในขั้นตอนการผลิต


เราสามารถที่จะออกแบบสีสันของตัวเครื่องได้ถึง 5 จุด

ตั้งแต่ฝาครอบด้านบน สีบอดี้ โลหะรอบฝาปิด Drum ไปจนถึงมือจับ

เพื่อสร้าง P III ให้มีความพิเศษไม่เหมือนใคร



ด้วยความพิเศษต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เครื่องคั่ว PROBAT P III เป็นซีรีส์ที่พลิกโฉมการออกแบบที่แตกต่างจากซีรีส์อื่น ๆ ของ PROBAT เกือบทุกจุดเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ขนาดตัวเครื่องที่เล็กลง รูปทรงที่ทันสมัยดูเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น การควบคุมผ่านจอทัชสกรีนที่เรียบง่ายแต่ยังคงประสิทธิภาพและเอกลักษณ์ของแบรนด์ระดับตำนานเอาไว้อย่างครบถ้วน PROBAT P III จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับโรงคั่วขนาดกลางหรือร้านกาแฟที่กำลังมองหาเครื่องคั่วแบบ All - rounder ที่รวมเอาข้อดีต่างๆเอาไว้ในเครื่องเดียวและยังสามารถ Customize สีสันของส่วนต่าง ๆ เพื่อบ่งบอกถึงตัวตนและรสนิยมของ Coffee Roaster ได้อีกด้วย

 

เข้าชมเครื่องคั่ว PROBAT P III และสินค้าอื่นๆ ได้ที่

Facebook : Salotto Coffee

Shoppee : shopsalotto

327 views0 comments
bottom of page